วันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2566 นายแพทย์ปพน ดีไชยเศรษฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ และ นายแพทย์สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนกลไกการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและ
ยาเสพติด เพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรง (SMI-V Care) ในเขตสุขภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความเข้าใจบทบาทภารกิจ และหาแนวทางการดำเนินงานใน การบูรณาการร่วมกันของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน
และภาคีเครือข่ายนอกระบบสาธารณสุข ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลในโรงพยาบาลและติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องในชุมชนอย่างไร้รอยต่อ ตามเป้าหมาย “ผู้ป่วยจิตเวชปลอดภัย สังคมไทยปลอดภัย” นายแพทย์สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เป็นตัวแทน ของกลุ่มที่ 4 เขตสุขภาพที่ 11 และ 12 ในการนำเสนอ ประเด็นการขับเคลื่อน
SMI-V Care ในเขตสุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดฉุกเฉิน การขับเคลื่อนประเด็นตาม พรบ.สุขภาพจิตในจังหวัด และการจัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลชุมชน ณ โรงแรมเรือรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดตรัง
โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดและมอบนโยบายในการประชุม มีแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขนิเทศก์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม กว่า 150 คน
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่มีความเสี่ยงก่อความรุนแรง (Severe Mental Illness – High Risk to Violence; SMI-V) หากมีการดูแลตั้งแต่ก่อนรับเข้าสู่โรงพยาบาล ขณะอยู่ในโรงพยาบาล และต่อเนื่องจนถึงชุมชน จะช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและยาเสพติดเพื่อป้องกันปัญหาความรุนแรง (SMI-V Care) ให้ครอบคลุมในสถานพยาบาลทุกระดับ ภายใต้กลไกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งในและนอกระบบสาธารณสุข ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการ ได้รับการดูแลรักษาและติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องในชุมชน โดยมีกรมสุขภาพจิต และกรมการแพทย์ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการด้านองค์ความรู้ จัดระบบการดูแลรักษาและให้บริการ ภายใต้กฎหมายสุขภาพจิต และประมวลกฎหมายยาเสพติด นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาบุคลากรด้านจิตเวช ทั้งจิตแพทย์และพยาบาลจิตเวชเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับ ผู้ป่วยด้านจิตเวชและยาเสพติดที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วยทั้งนี้ จากข้อมูลการติดตามข่าวความรุนแรงในสังคม ระหว่างเดือนพฤษภาคม -กันยายน 2565 จำนวน 2,300 ข่าว พบว่า ร้อยละ 18 มาจากปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช ร้อยละ 22 เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และพบว่าเกิดเหตุในชุมชนมากกว่าในบ้าน ซึ่งทำให้มีประชาชนที่เสี่ยงหรือสัมผัสความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ก่อความรุนแรงประมาณร้อยละ 3 เท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเวช แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่มีความเสี่ยงก่อพฤติกรรมรุนแรงหรือผู้ป่วยจำนวนหนึ่งอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในชุมชน